แดนมหามงคล

อนุโมทนาเจ้าค่ะ
คุ้นหู หรือว่าเคยได้ยินกันบ้างไหมเจ้าค่ะ
ทำไมถึงได้ใช้คำทักทายแปลก ๆ นะหรือ เป็นเพราะว่า
"แดนมหามงคล" "เกาะมหามงคล" คือที่แห่งเดียวกัน สถานที่ชื่อนี้
อยู่ที่ อ.ไทรโยก จ.กาญจนบุรี โน้นแน่ะ เป็นที่สำหรับสาวกและสาวิกาทั้งหลาย
จะไปหาที่พักหลบใจโดยการนุ่งขาวห่มขาวแบบพิธีการเลย และถือศีลแปด
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ชุดขาว ป่าเขียว ๆ ภูเขาและต้นไม้ล้อมรอบ
และความสงบอันร่มรื่น องค์พระประทาน หนังสือสวดมนต์
อ้อมไม่เคยคิดหรอกนะว่าชีวิตสักครั้งหนึ่งจะได้บำเพ็ญเพียรถือศีลแปดกับเขาบ้าง
วันแรกของการเดินทางนัดพี่สาไว้ที่ศาลายา โดยนั่งรอน้องร่วมงานอีกคนหนึ่ง น้องนก
น้องนกฉายามาช้า ปล่อยให้เรารอที่อนุสาวรีย์ตั้งนานมาก ๆ แล้วก็ไปต่อกันที่ศาลายา
แถวมหิดลแหละ แล้วก็ขับรถไปกาญจนบุรีกัน ต้องแวะบ้านน้าของพี่สาก่อน บ้านอยู่กลางนา กลางจริง ๆ ขับรถจากถนนใหญ่ที่กาญฯแล้วนะเข้าไปในทุ่งนากว้าง ๆ สุดลูกหูลูกตา แล้วก็เห็นนาเขียว ๆ กำลังชูต้นกล้าท้าแดดแรงอยู่ ควาย วัวตัวผอม ๆ น่าสงสารที่สุด และบ้านห่าง ๆ แต่ก็ใหญ่น่าอยู่ดูดีทีเดียว ตอนนั้นไม่ค่อยได้สังเกตุอะไรหรอก ปวดท้อง(ท้องเสีย) โอ้ย โอย นั่งบิดไส้บิดพุงจนถึงบ้านที่ชีวิตนี้ก็เพิ่งเคยมา ขอเถอะค่ะ เข้าห้องน้ำก่อน แล้วออกมาทักทายเด็กเล็ก ๆ และหลาย ๆ คน แต่ก็หมดทุกข์ก่อนไปบวชจนได้หล่ะ สงสัยจะตื่นเต้นเลยท้องเสีย(โรคประจำตัว)
ต่อจากนั้นก็ขับรถไปโน้น ประมาณ 60 กม. แน่ะ ไปถึงแดนมหามงคล ถ้าไม่เอารถมาก็นั่งรถไฟมาได้ ออกจากสถานีตลิ่งชัน ประมาณ 8.00 น. มาถึงที่นี่ก็บ่ายโมง นับเอาเองนะว่ากี่ชั่วโมง
พอมาถึงตอนนั้นก็บ่ายกว่าแล้ว ตื่นเต้นดีใจ กับสะพานไม้ขึงสลิงหน้าตาคล้ายสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็ข้ามจริง ๆ แหละจ้า หลังจากนั้นก็ไม่ได้อธิษฐานดั่งผู้อื่น สงสัยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ถามไถ่พี่สาเลย หลังจากนั้นก็เข้าไปลงทะเบียน ซึ้อผ้าสไบเฉพาะของที่นี่ คล้าย ๆ ของพระเลยหล่ะ แล้วก็เดิน ๆ ๆ ไกลเหมือนกันไปพักที่เรือนแก้วสามดวง ชื่อเพราะซะจริง ส่วนผู้ชายเข้าไปลึกมาก ๆ เรายังไม่เห็นเลยหล่ะ ชื่อเรือนพระจันทร์ เดินผ่านโรงทาน แพมหาปัญญาญาณ ศาลาบวชใจ ที่นี่มีแต่ต้นไม้สีเขียว ๆ พอจะเห็นสีเหลืองจากชัยพฤกษ์บ้างหล่ะ สดชื่น สายน้ำรอบ ๆ เกาะแห่งนี้เลย พวกเราสามสาวไปลงทะเบียนอีกรอบ แล้วพอเหลือบไปเห็นป้ายเขาเขียนว่า ห้ามทานของเคี้ยวได้ รวมถึงโยเกิต หลังเที่ยง อุ้ย ทำไงดีหว่า บอกรีบถามไถ่เพราะหิวแล้ว หายตื่นเต้นแล้ว
"พี่สา กินข้าวได้เปล่า"
"นั่นซิ แม่คะ(ที่นั้นเรียกคนอื่นว่าแม่หมด รวมถึงตัวเราอาจถูกเรียกว่าลูกหรือแม่ก้ได้) แม่คะ ทานข้าวได้ไหมคะ ยังไม่ได้ทานเลย"
"เอ้า ลูกแวะไปโรงทานนะว่าเขามีเหลือไม่ถ้าไม่มีต้องออกไปที่ถนนใหญ่หล่ะ"
"ได้ค่ะ"
แล้วก็รีบจรลีขับรถไปอีกรอบ หิว ๆ ทานข้าวจากเบ้อเริ่ม 20 บ. โห ถูกจัง ซื้อยาคูลท์ 5 ขวด น้ำชาขาว 1 ขวด อีกมากมายทีเดียว แล้วก็รีบกลับ รอบนี้อธิษฐานและภาวนาแบบที่คนอื่นทำกันด้วยหล่ะ เฮ้อ สบายใจหน่อย ขอให้อยู่ครบสามวันโดยไม่เจ็บป่วยนะคะ ไม่ปวดท้อง ไม่หิว" เฮ้อ ตั้งใจ ๆ แล้วก็เดิน ๆ ร้อนมาก ๆ แดดแรงสุด ๆ แล้วก็ไปบนเรือนได้รับเสื่อคนละหนึ่งผืน อาบน้ำเย็นฉ่ำ แต่ชุดขาว ไปทาสิ่งใด ๆ ลงบนตัว เดี๋ยวจะผิดศีล แล้วก็รอทำวัตรเย็น ตั้ง 6 โมงเย็นแน่ะ ทำไรดีล่ะ ครอก ครอกพี่หลับดีกว่าเรา สามคนก็หลับอยู่เรือนแก้วสามดวง ที่ภายในคล้ายเรือไม้สักลำใหญ่ สวยอย่าบอกใครเชียว อย่างฝันทิพย์ อิ่มสุข อย่างที่แม่เจ้าหน้าที่อวยพรให้ แล้วพรุ่งนี้เล่าต่อนะว่าต้องปฏิบัติภารกิจใด ๆ ต่อไป
This entry was posted in Uncategorized. Bookmark the permalink.

4 Responses to แดนมหามงคล

  1. LOMama says:

    อ้าว……..มีภาคต่อด้วยเหรอ
     
    กะคิดถามอยู่เชียว
     
    รีบๆๆ มาเล่าต่อน่ะ

  2. วนิชา says:

    โมทนาด้วยครับ แต่ตอนนี้ถ้าใครไม่สบายไปที่แดนมหามงคล ทางแดนมหามงคลก็จะขอความร่วมมือให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน หายแล้วค่อยไปใหม่นะครับเพราะกิจกรรมที่ทำส่วนมากจะทำเป็นหมู่คณะจะได้มีสุขภาพทั้งกายและใจที่แข็งแรงกันถ้วนหน้าเลยนะครับ

  3. nut-dodee says:

    หนูเคยไปแดนมหามงคล

  4. nut-dodee says:

    สนุกกมากคนที่นั้นใจบุญกานทุกคนเลยคะสธุโมทนาคะหนูเป็นหลานพระอาจารย์เกิดที่ไปอยู่ประเทศอินเดียคะ

Leave a reply to nut-dodee Cancel reply